พูดง่ายๆ ก็คือกระบวนการระเหยของน้ำ น้ำจำเป็นต้องดูดซับความร้อนปริมาณค่อนข้างมากเพื่อที่จะเปลี่ยนสถานะจากของเหลวกลายเป็นไอ หรือที่เรียกว่าความร้อนแฝงของการระเหย (The Latent Heat of Evaporation) เมื่อไอน้ำที่เกิดขึ้นหลุดออกสู่ชั้นบรรยากาศ ความร้อนนี้จะถูกดึงออกไปด้วย ซึ่งเป็นการกำจัดความร้อน และเหลือไว้แค่เพียงอากาศที่เย็นลง
พัดลมอีแวป (Evap) ใช้ประโยชน์จากปรากฏการณ์นี้ เพื่อผลิตลมเย็นที่สามารถส่งและกระจายลมให้ไปทั่วทั้งอาคาร, พื้นที่เปิดโล่ง และผู้คนที่ต้องการลมเย็น
กระบวนการลดอุณหภูมิแบบการระเหยของน้ำเป็นปรากฏการณ์วิทยาศาสตร์ที่อาศัยพลังงานตามธรรมชาติ ซึ่งโดยปกติแล้วผลของการลดอุณหภูมิแบบการระเหยของน้ำจะขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมสองปัจจัย คือ ความชื้นสัมพัทธ์ภายนอกและอุณหภูมิอากาศภายนอก
พัดลมอีแวป (Evap) จะมีประสิทธิภาพให้ลมเย็นในสภาวะอากาศแห้ง หรือค่าความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศไม่สูงมาก เนื่องจากในสภาวะอากาศที่แห้งจากภายนอก จะยิ่งช่วยให้น้ำจากแผงแลกเปลี่ยนความร้อนสามารถระเหยสู่บรรยากาศได้มากขึ้น และมากไปกว่านั้น ยิ่งน้ำระเหยสู่บรรยากาศมากขึ้นเท่าไร อากาศที่เหลือไว้ก็จะเย็นลงมากตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้พัดลมอีแวป (Evap) จึงทำงานได้ดีที่สุด ในสภาวะที่อากาศร้อน ซึ่งในภูมิภาคอาเซียนจึงเป็นตัวอย่างที่ดีของสถานที่ที่สามารถใช้ประโยชน์จากการทำความเย็นแบบระเหยได้ดี
ในสภาวะที่เหมาะสมที่สุด พัดลมอีแวป (Evap) สามารถส่งลมและลดอุณหภูมิลงจากอากาศภายนอกได้ถึง 10 องศาเซลเซียล ยกตัวอย่าง หากอุณหภูมิอากาศภายนอกอยู่ที่ 38 องศาเซลเซียล พัดลมอีแวป (Evap) จะสามารถรับและลดอุณหภูมิได้ถึง 28 องศาเซลเซียล ในสภาวะที่เหมาะสมที่สุด นั้นคืออากาศภายนอกแห้งหรือค่าความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ
หากต้องการทราบว่าพัดลมอีแวป (Evap) สามารถทำงานได้ดีเพียงใดในพื้นที่ของคุณ โปรดติดต่อพนักงานขายได้เลยตอนนี้ เพื่อรับคำปรึกษาฟรี
ถึงแม้ว่าสามารถทำอุณหภูมิให้เย็นมาก แต่ก็ต้องใช้พลังงานสูงตลอดทั้งวัน ในการทำความเย็นและรักษาอุณหภูมิ สำหรับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม โรงงานส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายสูงเกินไปที่จะจัดการกับต้นทุนการดำเนินงานให้อากาศเย็นทั้งโรงงานหรือคลังสินค้าโดยใช้เครื่องปรับอากาศ
หากคิดเป็นตัวเลขกลมๆ ในการเปรียบเทียบต้นทุนในการทำให้พื้นที่ที่มีขนาดเท่ากันเย็นลง ต้นทุนการดำเนินงานของการใช้ระบบทำความเย็นด้วยพัดลมอีแวป (Evap) นั้นน้อยกว่าต้นทุนการดำเนินงานของระบบ HVAC โดยเฉลี่ย 50% เนื่องด้วยประสิทธิภาพทางต้นทุน ผู้มีอำนาจตัดสินใจในโรงงานจำนวนมากจึงเลือกระบบทำความเย็นด้วยพัดลมอีแวป (Evap) ที่สามารถให้สภาพแวดล้อมการทำงานที่สะดวกสบายเพียงพอในราคาเพียงเศษเสี้ยวของระบบแอร์ปรับอากาศ